ถ้าจะกล่าวถึงทีมที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าของวงการฟุตบอลไทย คงจะไม่มีใครไม่รู้รู้จักทีมปราสาทสายฟ้าจากเมืองเซาะกราว “ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ซึ่งสโมสรที่ยิ่งใหญ่แรกเริ่มเดิมที่เกิดจากรวมตัวกันของสองทีมใหญ่แห่งบุรีรัมย์ ได้แก่ บุรีรัมย์ พีอีเอ ทีมซึ่งเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 กับ บุรีรัมย์ เอฟซี ซึ่งเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ปี 2011 เมื่อสองทีมยิ่งใหญ่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดทีมฟุตบอลที่สร้างปรากฏการณ์ที่สุดยอดแก่วงการฟุตบอลไทย นั้นคือ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวที่คว้าแชมป์ 4 รายการ ในฤดูกาลเดียวกัน ตลอดระยะเวลา 6 ปีของการก่อตั้งสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความสำเร็จมาการันตรีมากมาย คว้าแชมป์มาแล้วถึง 14 ถ้วย คือ แชมป์ถ้วยพระราชทาน ก., แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก, แชมป์พรีเมียร์คัพ, แชมป์ลีกคัพ, แชมป์เอฟเอคัพ ที่แต่ละถ้วยได้ไปประดับที่สนามเคสเซิล สเตเดี้ยม มากกว่า 1 ฤดูกาลเสีย ด้วยซ้ำ
ซึ่งทางบอร์ดบริหารของสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดได้เปิดเผย ถึงองค์ประกอบของความสำเร็จสามประการ คือ ความทุ่มเท และความเอาจริงเอาจัง ของนายใหญ่ประธานสโมสร คือ คุณเนวิน ชิดชอบ, ความมุ่งมั่นตั้งใจที่กระหายชัยชนะเมื่อลงแข่งขันของนักฟุตบอลทุกคน และการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมของแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกคน ร่วมทั้งผู้สนับสนุน ที่ถือว่าเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ซึ่งร่วมเคียงข้าง เป็นกำลังใจในนักกีฬา ทั้งในและนอกสนาม ซึ่งเป็นกำลังหลักที่ทำให้ทีมก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ ตลอดระยะเวลาการก่อตั้งสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาตลอดระยะเวลาหกปี มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งข่าวดี ข่าวร้าย แต่แฟนบอลทุกคนของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงสนับสนุนและให้กำลังใจสโมสรอย่างเหนียวแน่นตลอดมา และในปีนี้ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาพร้อมกับเป้าหมายที่เอาไว้พุ่งชน คือ “Road to Asia’s Top 5” หรือมุ่งการเป็น 1 ใน 5 ของทีมฟุตบอลแห่งทวีปเอเชีย
คงจะเป็นที่ประจักษ์กันแล้วว่าความยิ่งใหญ่ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน นอกจากการพัฒนาทีมชุดใหญ่แล้ว การสนับสนุนเยาวชนก็ได้รับความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เปิดการคัดคัวนักเตะเยาวชนอายุ 9 – 16 ปี ซึ่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะเคเดมี่ ฟาบิโอ เปอร์ไรร่า ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า มีเด็กเข้ามารับการคัดเลือกกว่า 5,000 คน ทางอะคาเดมี่ได้คัดเลือกจนเหลือ 104 คน และคัดเลือกต่อจนถึงวันสุดท้ายได้นักเตะรุ่นจิ๋วหน้าใหม่เข้าสู่อะคาเดมี่ 60 คน ซึ่งทางสโมสรพึงพอใจอย่างมากกับคุณภาพของเด็กที่ถูกคัดเข้ามาจนถึงรอบสุดท้าย และมั่นใจว่าพวกเขาได้นักเตะฝีเท้าดีเข้ารวมทีมแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันสำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี่ ได้มีเด็กฝึกในอะคามี่อยู่ในการฝึกสอน 144 คน
ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างนักเตะเยาวชนสู่นักเตะอาชีพ ซึ่งเหล่าเซาะกราวรุ่นเล็กนี้ ในอนาคตอาจจะเป็นนักฟุตบอลระดับแนวหน้าของประเทศของเป็นไปได้